วิตามินบีรวม วันนี้เรามาเจาะลึกประโยชน์ของวิตามินบีรวมที่ให้ประโยชน์อะไรต่อร่างกายเราบ้าง ก่อนอื่นเราทำมาความรู้จักกับเจ้าวิตามินตัวนี้กันก่อนว่า วิตามินบีรวม ที่เพื่อน ๆ รู้จักมักคุ้นเคย คุ้นชินกัน ส่วนใหญ่มาในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แล้วเพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่าวิตามินบีนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์และผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป โดยวิตามินบีแต่ละตัวจะทำงานเสริมซึ่งกันและกัน ต้องทานร่วมกันจึงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการแยกรับประทาน สำหรับวิตามินบีรวมนั้นก็มีชนิดต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 7 วิตามินบี 9 และ วิตามินบี 12 ยังรวมไปถึง ไบโอติน โคลีน พาบา อิโนซิทอล แน่นอนว่าสิ่งที่กล่าวมาล้วนจัดว่าอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวมนั่นเอง
สำหรับวิตามินบีรวมนั้นประกอบไปด้วยวิตามินบีหลายชนิดด้วยกัน เพื่อน ๆ ที่ทานอาหารเสริมกันเป็นประจำทุกวันก็จะคุ้นชินกับวิตามินบีรวมในแต่ละประเภท เช่น วิตามินแบบแคปซูล แบบเม็ดฟู่ ก็อยู่ที่เราจะเลือกซื้ออาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายแบบไหน แม้ว่าร่างกายของคนเราจะได้รับวิตามินบีจากการรับประทานอาหารอยู่แล้ว แต่ในบางครั้งก็อาจไม่เพียงพอกับที่ร่างกายของคนเราต้องการ อีกทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบันอาจจะส่งผลให้ร่างกายขาดวิตามินและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างวิตามินบีรวมอาจเข้ามามีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ แต่ข้อแนะนำการทานวิตามินบีรวมเราไม่ควรแยกทานกันเพราะจะไม่ได้ประสิทธิภาพดีเท่าที่ควรแต่เราควรทานเป็นวิตามินบีรวมไว้ด้วยกัน เพราะวิตามินบีแต่ละชนิดนั้นจะทำหน้าที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานอย่างสูงสุด โดยวิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นอย่างมากต่อระบบประสาทและความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แล้วเพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่า วิตามินบีรวม ควรกินเวลาไหน ตอนไหนดีที่สุด? บางคนอาจจะกินช่วงเช้า บางคนอาจจะกินก่อนนอน วันนี้เราก็จะหาคำตอบด้วยกัน
วิตามินบีรวม ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมทานวิตามินบีรวมกันมากขึ้น แทงบอลออนไลน์ แต่การทานวิตามินบีรวมให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เราควรเลือกกินในช่วงเวลาที่เหมาะสม หลายคนอาจจะเลือกกินก่อนนอน ซึ่งจริง ๆ แล้วช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับทานวิตามินบีรวมมากที่สุดนั่นก็คือ ให้เรากินพร้อมมื้ออาหารและหลังมื้ออาหาร เนื่องจากร่างกายของเราจะสามารถดูดซึมได้ดีที่สุด นอกจากนี้ การทานกินวิตามินบีรวมให้ได้ผลดีที่สุด ควรทานพร้อมกับวิตามินซี ในมื้ออาหารเช้า กลางวัน หรือเย็น ในปริมาณที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ ซึ่งประโยชน์ของวิตามินชนิดนี้ก็มีหน้าที่และความแตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.วิตามินบี 1 หรือ ไทอามีน
วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่ ในการสร้างพลังงานจากสารอาหารในร่างกาย อีกทั้งช่วยระบบประสาท กล้ามเนื้อ ทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ และช่วยบำรุงสมอง รวมทั้งเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย โดยอาหารที่พบวิตามินบี 1 ได้แก่ เนื้อหมู นมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ธัญพืช เมล็ดทานตะวัน ถั่ว งา
2.วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน
วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่ ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพื่อช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรน รวมถึงมีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร ช่วยบำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม โดยอาหารที่พบวิตามินบี 2 ได้แก่ ไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ บรอกโคลี เห็ด ผักโขม
3.วิตามินบี 3 หรือ ไนอะซิน
วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่ เสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระต่อร่างกาย อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอการเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานดีขึ้น แต่ผลเสียของการทานวิตามินชนิดนี้เกินขนาด อาจมีแนวโน้มเป็นโรคเกาต์หรือมีอาการปวดตามข้อได้ ดังนั้นเราควรทานวิตามินชนิดนี้อย่างพอดีพอเหมาะ โดยอาหารที่สามารถพบวิตามินบี 3 ได้แก่ เนื้อปลาทูน่า ปลาแซลมอน เนื้อไก่ ข้าวกล้อง ถั่วลิสง
4.วิตามินบี 5 หรือ กรดแพนโทเธนิค
วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่จะช่วยการผลิตฮอร์โมนให้ร่างกาย มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร รวมถึงการบำรุงผิว ผม เล็บ อีกทั้งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย โดยอาหารที่พบวิตามินบี 5 ได้แก่ ข้าวกล้อง มันฝรั่ง เครื่องในสัตว์ ไข่ อาหารทะเล บรอกโคลี นม
5.วิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน
วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่ ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ และเป็นตัวกระตุ้นกระบวนการสร้างเมตาบอลิซึมในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ที่สำคัญ ช่วยชะลอวัยได้ด้วย โดยอาหารที่พบวิตามินบี 6 ได้แก่ อกไก่ เครื่องในสัตว์ มันฝรั่ง กล้วย ถั่ว
6.วิตามินบี 7 หรือ ไบไอติน
วิตามินชนิดนี้มีปริมาณสารอาหารที่เรียกอีกชื่อว่า “ไบโอติน” ที่ทำหน้าที่ช่วยบำรุงสมอง และร่างกายส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ดวงตา เล็บ รวมถึงยังช่วยป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะล้านได้ด้วย โดยอาหารที่พบวิตามินบี 7 ได้แก่ ไข่แดง ตับ ธัญพืช ถั่วลิสง อัลมอนด์ กล้วย ดอกกะหล่ำ
7.วิตามินบี 9 หรือ โฟเลท
วิตามินชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารก สร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว ลดภาวะโลหิตจาง รวมถึงการเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย วิตามินชนิดนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ โดยอาหารที่พบวิตามินบี 9 ได้แก่ ไข่ ตับ ถั่ว กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว
8.วิตามินบี 12 หรือ โคบาลามีน
วิตามินชนิดนี้จะช่วยเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง บำรุงประสาท ปรับสมดุลทางอารมณ์ ชะลอโรคสมองเสื่อม ช่วยให้เด็กเจริญอาหารรวมถึงทำให้ร่างกายของเราสามารถใช้ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตได้อย่างเหมาะสม โดยอาหารที่พบวิตามินบี 12 ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ตับ ไข่ โยเกิร์ต นม ชีส
ดังนั้น วิตามินบีรวมคือ การเอาประโยชน์ของสารอาหารมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนในแต่ละวัน จะส่งผลให้ร่างกาย ระบบประสาทสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บางผลิตภัณฑ์ยังมีการนำวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี มาผสมผสานเข้ากับวิตามินบีรวม เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายหรือเสริมสุขภาพในด้านอื่น ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีอยู่หลายรูปแบบ เพื่อเป็นตัวช่วยอีกทางที่เน้นความสะดวกในการรับประทาน โดยแต่ละแบบอาจส่งผลต่อการดูดซึมและประสิทธิภาพในการนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายต่างกันออกไปทั้งนี้ การกินวิตามินบีรวมอาจทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มกว่าเดิม ผู้ที่เลือกกินวิตามินบีรวมเพื่อบำรุง หรือฟื้นฟูร่างกาย ควรกินอาหารชนิดอื่นให้ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาด และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไปด้วยดีที่สุด
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2073066